วิธีง่ายๆ เพื่อการท่องจำอัลกุรอาน อิสลามกับวันวาเลนไทน์ เทศกาลวาเลนไทน์ … สำหรับใคร


อัสสลามมูอาลัยกุม



วันนี้ คิดถึง รู้บ้างไหม

ทำอะไร ทำไม ไม่ติดต่อ

ตื่นตอนไหน ไม่โทรบอก คนเฝ้ารอ

จ้องแต่จอ โทรศัพท์ นับเวลา



กินข้าวยัง หรือไป ไหนมาบ้าง

สารพัดอย่าง สรรหา มาไต่ถาม

ไร้สาระ พูดคุย ไม่นับความ

หลงตาม ชัยฏอน ทุกวันวาน



หนุ่มถาม สาวตอบ มิเชือนช้า

ไม่สน นาฬิกา ที่วนผ่าน

ลืมหน้าที่ ลืมเวลา ลืมวันวาน

ลืมกรุอาน ทางนำ สอนอย่างไร

ลืมไปว่า หนุ่มสาว ต้องขับเคลื่อน

ลืมฟังคำ ตักเตือน ใจมืดไหม้

ลืมนึก ว่าตัวเอง นั้นเป็นใคร

มีหน้าที่ อย่างไร ต่ออิสลาม



ลืมแล้วว่า วันนี้ ทำสิ่งใด

ต้องนำไป ตอบคำถาม ในวันหน้า

ลืมว่าขาด ทุนกับ กาลเวลา

เพราะดวงตา และหัวใจ เมินทางนำ



เพราะหลงสิ่ง ผู้ปฏิเสธ หยิบยื่นให้

หลงคิดไป ว่าอินเทรนด์ นำแฟชั่น

หลงว่าที่ คนหมู่มาก กระทำกัน

คือสิ่งนั้น ไม่อนุมัติ ในอิสลาม



เอาอย่างอื่น มาชี้ถูก กับศาสนา

เพียงเพราะว่า ตอบเอง มิไต่ถาม

แค่คุยเอ็ม มิเห็นหน้า แค่ข้อความ

แค่ไต่ถาม ผ่านมือถือ แค่นั้นเอง



แค่ซ้อนท้าย เพราะต้องไป ทางเดียวกัน

ประหยัดน้ำ มันตามรัฐ แนะนำไว้

แค่ไปส่ง เพราะผู้หญิง มิปลอดภัย

แค่ติวให้ เพราะเราเรียน รู้ร่วมกัน



คงลืมไป ว่าแค่นั้น ที่บอกไว้

คือ เข้าใกล้ ซินา ผิดมหันต์

คงลืมว่า อิสลาม คือ ป้องกัน

มิใช่การ แก้ไข เมื่อสายเกิน



ทบทวน ทบทวน ตัวเองใหม่

แล้วตั้งใจ หยุดมันเถิด หนุ่มสาวเอ๋ย

อย่าหลงตาม ชัยฏอน ชี้นำเลย

อย่านิ่งเฉย กับการทำ ตามนัฟซู



การอภัย พระผู้สร้าง ให้เสมอ

แค่เพียงเธอ บอกพระองค์ ผู้ทรงรู้

แล้วหยุดสิ่ง ที่เคยทำ ตามนัฟซู

เร่งเชิดชู ทางนำ ของอิสลาม



อย่าลืมว่า พวกเธอ คือความหวัง

คือพลัง อันยิ่งใหญ่ ของศาสนา

คือต้นกล้า ที่เข้มแข็ง แห่งศรัทธา

คือหน้าตา ของ อัล- อิสลาม

....โปรดบอกต่อๆไปสำหรับคนที่นับถือศาสนา อิสลามนะคร๊าบ.......
....ขอบคุณทีเข้าร่วมอ่าน....

ครั้งหนึ่งมีผู้มีอำนาจในเมืองไทย 3 คนเดินทางไปราชการและไปตรวจสอบผลประโยชน์ส่วนตัวตามต่าง

จังหวัด โดยไปพร้อมกันบนเครื่องบินลำเดียวกัน ระหว่างบินก็สนทนาแสดงความเก่งทางความคิดตัวเอง

ออกมา

วีระ : เนี่ยะ ถ้าผมทิ้งแบงค์ 1000 ลงไป คนที่เก็บได้ 1 คนจะต้องมีความสุขแน่ๆ

คุณจตุพรหลังจากได้ฟังก็อดรนทนไม่ไหว แสดงความคิดอันปราดเปรื่องตัวเองออกมาบ้าง

จตุพร : ส่วนผม ผมจะทิ้งแบงค์ 500 ลงไป 2 ใบจะมีคนที่เก็บได้ถึง 2 คนที่มีความ สุข

คุณทักษิณเมื่อได้ยินลูกน้องพูดกัน มันรู้สึกคันปาก อดไม่ได้ที่จะต้องพูดโอ่ถึงความคิดอันแสนฉลาดของตัวเอง

ทักษิณ : เฮ้ย อะไรกัน ความคิดตื้นๆรู้ไม่จริงกันทั้ง 2 คนเลย ของผมนะ ผมจะทิ้งแบงค์ 100 ลงไป

10 ใบ จะมีคนตั้ง 10 คนเชียวนะที่ดีใจ

ลูก น้องทั้ง 2 คนเมื่อได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกทึ่งในความคิดอันลึกล้ำของนายใหญ่ ถึงกับออกปากชมเปาะ ปรบ

มือชื่นชมด้วยความเลื่อมใสศรัทธาความคิดอัน ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมได้ของ ท่านผู้นำ

แต่ ภายในห้องนักบินซึ่งได้ยินการสนทนาของผู้มีอำนาจทั้ง 3 คนโดยตลอด หนึ่งในนักบินจึงพูดขึ้นมา

นักบิน : ถ้ากูทิ้งพวกมึงทั้ง 3 คนลงไป จะมีคน 60 ล้านคนทั้งประเทศไทยดีใจเป็นแน่นอน...


คุณลักษณะของชายที่จะเลือกมาเป็นคู่ครอง

เขียนโดย ซอลาหุดดีน

การ แต่งงานเป็นสิ่งที่อิสลามส่งเสริมให้เกิดขึ้นเพื่อเป็นการรักษาความ บริสุทธิ์ของผู้หญิงและผู้ชาย ให้ออกห่างจากการที่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำซินาหรือผิดประเวณี ในเมื่อการแต่งงานนั้นเป็นสิ่งที่อิสลามส่งเสริมและให้ความสำคัญ และการแต่งงานนั้นเป็นการเคารพภักดีต่ออัลลอฮด้วย เราจะเห็นในหะดีษก็ดี หรือข้อเขียนของนักวิชาการจำนวนมาก มักจะกำหนดคุณลักษณะของผู้หญิงที่เราจะหามาเป็นคู่ครอง แต่ในที่นี้ผมขอหยิบยก การที่ผู้หญิงจะสรรหาผู้ชายมาเป็นคู่ครอง ประการแรกที่จะต้องพิจรณาสำหรับคนที่จะเข้าสู่ประตูวิวาห์ หรือต้องการที่จะสละโสด ก็คือต้องพิจรณาในเรื่องศาสนาของผู้ชาย จำเป็นที่ผู้ชายคนนั้นเป็นมุสลิมที่มีความเอาใจใส่ในเรื่องของศาสนา และเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของอิสลามในการดำเนินชีวิตของเขา ผู้ที่เป็นผู้ปกครองของฝ่ายหญิงจะต้องสืบดูว่าผู้ที่จะมาแต่งงานกับลูกสาว ของเรา ไม่ใช้มองแต่รูปกายภายนอกของผู้ที่จะมาเป็นสามีลูกสาวของเรา เช่นจะต้องเป็นผู้ที่มีทรัพย์สิน เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่นับหน้าถือตาของคนในสังคม โดยที่ไม่คำนึงว่าคนนั้นจะมีความเข้าในเรื่องศาสนาหรือไม่ และสิ่งที่ควรพิจรณาเป็นประการแรกในเรื่องนี้ก็คือ การละหมาดเพราะว่าการละหมาดนั้นเป็นสิทธิที่บ่าวจะต้องปฏิบัติต่ออัลลอฮ ดังนั้นผู้ใดที่ไม่ทำการละหมาด เขาก็เป็นผู้ที่บกพรองหน้าที่ที่เขามีต่อพระเจ้า แน่นอนผู้ที่ละเลยหน้าที่ของเขาที่มีต่อพระเจ้า เขาก็ย่อมละเลยหน้าที่ที่มีต่อผู้อื่นเช่นเดียวกัน ดังนั้นชายที่เป็นผู้ศรัทธาเอาจะไม่เอาเปรียบ ข่มเหงภรรยาของเขาอย่างแน่นอน หากเขารักภรรยาของเขา เขาก็จะให้เกียรตินาง และหากเขาไม่พอใจนางเขาก็ไม่อธรรมต่อนาง และคุณลักษณะดังกล่าวนั้นไม่มีในหมู่ผู้ชายที่ไม่ใช่ผู้ศรัทธา เราจะเห็นว่าอัลลอฮได้กล่าวไว้ในอัลกุรอานว่า แม้แต่ชายที่เป็นทาสของผู้อื่นที่เป็นผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮนั้นดีกว่าชายที่ เป็นผู้ตั้งภาคต่ออัลลอฮ ถึงแม้ชายที่ตั้งภาคีจะเป็นที่ชอบพอของเราก็ตาม เพราะมุสลิมเราในการมีชีวิตนั้นเราต้องใช้ชีวิตเพื่อเป็นการภักดีต่ออัลลอฮ เพราะจุดประสงค์ของอัลลอฮในการที่พระองค์ได้มีบัญญัติให้มุสลิมทำการแต่งงาน นั้นก็เพื่อต้องการที่จะสร้างครอบครัวที่ศรัทธาต่อัลลอฮ ดังนั้นการเลือกคู่ครองนั้นเป็นการบอกถึงเจตนาของเราว่าเราจะสร้างครอบครัว ในอนาคตของเราออกมาในรูปแบบใด ดังนั้นผู้นำครอบครัวนั้นถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างครอบของมุสลิมให้ เป็นไปตามความต้องการของอัลลอฮ อัลลอฮได้กล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า


قال الله تعالى : (ولبعد مؤمن خير من مشرك ولو أعجبكم )
อัลลอฮตาอาลาได้ ตรัสไว้ว่า และแน่นอนบ่าวที่เป็นผู้ศรัทธานั้นย่อมดีกว่า ชายที่เป็นผู้ที่ตั้งภาคี ถึงแม้เขาจะเป็นที่ชอบพอแก่พวกเจ้า

وقال النبي صلى الله عليه وسلم : ( إذا جاء كم من ترضون دينه وخلقه فأنكحوه ، إلا تفعلوا تكن فتنة في الأرض وفساد عريض ) رواه الترمذي
ท่านนบีศอลลัล ลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมได้กล่าวว่า (เมื่อมีบุคคลที่พวกเจ้ามีความพอใจ ในศาสนาและมารยาทของเขาได้มายังพวกเจ้า(หมายถึงมาสู่ขอลูกสาว) ดังนั้นพวกเจ้าจงทำการนิกาฮให้แก่เขา มิเช่นนั้นพวกเจ้าได้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากมาย)
รายงานโดย ท่านอัตติรมีซีย์

และอิสลามนั้นส่งเสริมให้แต่งงานกับชายที่มีความรู้ และเคร่งครัดในนเรื่องศาสนา และชายที่มีตระกุลที่ดี เช่นเป็นที่รู้ว่าเป็นตระกูลที่อยู่ในสิ่งที่เป็นความดีและคุณธรรม ก็หมายความว่าตัวของผู้ชายที่เราจะแต่งงานแล้ว เราจะต้องมองไปดูอีกว่าเครือญาตพี่น้องของเขาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะพ่อแม่ของเขา ถ้าพ่อแม่ทั้งสองของเขาเป็นคนดีที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ ก็เป็นการดีเพราะความดีของคนดีที่ตายไปแล้วความดีของเขายังผลมายังคนรุ่นลูก หลาน ตัวอย่างในซูเราะห์ อัลกะฟีย์ที่อัลลอฮได้ปกป้องทรัพย์สินของเด็กกำพร้าในฐานะที่พ่อแม่ทั้งสอง ของเขาเป็นคนดี ความดีของคนทั้งสองนั้นได้รับผลมายังลูกของเขาทั้งสอง
قال الله تعالى : (وأما الجدار فكان لغلامين يتيمين في المدينة وكان تحته كمز لهما وكان أبوهما صالحا فأراد ربك أن يبلغا أشد هما ويستخرجا كنزهما رحمة من ربك )
(และส่วนเรื่องกำแพงนั้น มันเป็นของเด็กกำพร้าสองคนที่อยู่ในเมือง และใต้กำแพงนั้นมีขุมทรัพย์ของเขาทั้งสอง และพ่อของเด็กทั้งสองเป็นคนดี ดังนั้นพระผู้เป็นเจ้าของท่านประสงค์ที่จะให้เด็กทั้งสองบรรลุความเป็น ผู้ใหญ่ และจะให้เด็กทั้งสองเอาขุมทรัพย์ของทั้งสองออกมา เป็นความเมตตาจากพระเจ้าของท่าน)อัลกะฮฺฟฺ อายะที่ 82
จากอายะนี้จะเห็น ว่าความดีของบิดาที่ล่วงลับไปแล้วยังผลที่ดีมายังลูกมันเป็นการให้เกียรติ ของอัลลอฮที่ให้แก่เขาในฐานะที่เขาเป็นผู้ศรัทธา เช่นเดียวกันการที่เราลูกคู่ครองจากสายเลือดที่ดีๆ สิ่งดีๆเหล่านั้นจะยังผลมายังลูกหลานของเรา

แต่ในปัจจุบันจุด ประสงค์ของการแต่งงานนั้นได้หายไปจากสังคมของเรา การแต่งงานนั้นกลับกลายเป็นประเพณี นิยมที่มักจะอวดกันในเรื่องของมะฮัร และตำแหน่งการงานของคู่บ่าวสาว โดยน้อยคนมากที่จะมาคำนึงในเรื่องความศรัทธาของคู่บ่าวสาวที่ได้ทำการสมรส กัน เลยทำให้เยาวชนรุ่นหลังที่เกิดมานั้นมีพฤติกรรมที่สวนทางกับคำสอนของศาสนา และมีนิสัยที่แข็งกระด้างไม่เชื่อฟังต่อพ่อแม่ และครูบาอาจารย์และยังเป็นปัญหาในการอบรมอีกด้วยจะเห็นว่าเด็กสมัยนี้ การอบรมพวกเขาโดยเฉพาะในเรื่องพฤติกรรมนั้นทำได้ยากมาก ดังนั้นการแต่งงานนั้นไม่ใช้เป็นการลองผิดลองถูก แต่มันเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการสร้างอุมมะห์ที่ดีที่จะมาเป็นกำลังสำคัญ ของอิสลาม ดังนั้นคู่บ่าวสาวที่จะทำการสมรสกันนั้นจะต้องมีเจตนาที่ในการแต่งงานด้วย ก็คือเรามีเจตนาให้เป็นไปตามที่อัลลอฮต้องการ ไม่ใช้มีเจตนาในการแต่งงานของตัวเองเป็นเพียงการปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศเพียง อย่างเดียว หมายถึงหลังจากการแต่งงานของเรา เรามีภาระที่หนักอึ้งก็คือการอบรมลูกของเราให้เป็นคนดีเป็นผู้ศรัทธาต่ออัล ลอฮ

และเช่นเดียวกันในการเลือกคู่ครองเราต้องดูผู้ชายที่มีงานทำ สามารถมาเลี้ยงตัวเองและสมาชิกในครอบครัวของเขาได้เช่นกัน ในปัจจุบันเราต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งจากปัญหาการหย่าร้างก็คือ การที่ผู้ชายไม่สนใจครอบครัว ก็คือผู้ชายไม่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัวและไม่พยายามที่จะทำงานสุดท้ายก็นำพา ครอบครัวสู่ความแตกแยกและหย่าร้าง ดังนั้นอิสลามส่งเสริมในเรื่องของการแต่งงานแต่อิสลามก็ส่งเสริมให้การแต่ง งานนั้นเป็นการแต่งงานที่มีความมั่นคง ก็คือคู่บ่าวสาวสามารถดำเนินชีวิตโดยมีความสุข และส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเรามีความสุชในการดำเนินชีวิตได้ก็ คือการที่ผู้นำครอบครัวมีความสามรถที่จะทำการเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้ สามารถเลี้ยงดูคนในครอบครัวได้ไม่ได้หมายถึงให้เลือกคนที่รวยมีฐานะ แต่หมายถึงผู้ที่สามารถทำงานเลี้ยงครอบครัวได้
สืบเนื่องจากคำพูดของ ท่านนบีศอลลัลลอฮู อะลัยอิวะซัลลัมที่ท่านได้แนะนำฟาติมห์ บินติ กัยซ รอฏิยัลลอฮูอันฮาในขณะที่นางได้มาขอคำปรึกษาต่อท่านนบี ในขณะที่มีชายสามคนมาทำการสู่ขอนางโดยที่ท่านนบีได้กล่าวว่า
( أما معاوية فرجل ترب ( أي فقير ) لا مال له ....)
สำหรับมูอาวิยะนั้นเป็น ชายที่มีความขัดสนยากจน ไม่มีทรัพย์สิน
จากหะดีษนี้ได้มีชายสามคนมาขอ ผู้หญิงคนหนึ่งแล้วนางมาขอคำปรึกษากับท่านนบี ท่านนบีก็ได้ให้ทางออกด้วยการแนะนำชายที่มีความเหมาะสมทีทำการเลี้ยงดูนาง ก็คือท่านนบีได้บอกว่ามูอาวิยะไม่มีความเหมาะสมที่จะทำการเลี้ยงดูนางก็ เนื่องจาก เขาเป็นคนที่ไม่มีทรัพย์สิน การที่ท่านนบีแนะนำไม่ให้แต่งงานก็มูอาวิยะนั้นไม่ได้หมายความว่า เป็นการห้ามแต่งงานกับคนที่ยากจน ก็หมายถึงท่านนบีมองดูจากคนสามคนที่มาใครมีความเหมาะสมมากที่สุด เพราะบางครั้งผู้หญิงมีฐานะแล้วมีผู้ชายที่มีความยากจนมาสู่ขอก็ไม่ใช้ปัญหา ที่นางจะแต่งงานกับชายผู้นั้น ก็อิสลามมองถึงผลประโยชน์สูงสุดของการแต่งงาน เช่นการครองเรือนของคู่บ่าวสาวนั้นจะต้องให้อยู่กันนานๆ เหมือนที่กล่าวมาแล้วปัจจัยในการดำเนินชีวิตของคนเราคงไม่มีใครปฏิเสธว่า ทรัพย์สินนั้นเป็นส่วนหนึ่งจากปัจจัยของการดำเนินชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าอิสลามมองแต่เรื่องทรัพย์สินป็นอย่างเดียว จากหะดีษที่กล่าวมาแล้วเป็นการกล่าวของท่านนบี ตามวาระและความเหมาะสมของผู้ที่มาถามท่าน เช่นบางครั้งมีคนมาขอให้ท่านนบีสอนในเรื่องศาสนา บางคนท่านนบีสอนเขาในเรื่องของการรู้จักระงับอารมณ์ ก็ท่านนบีรู้ถึงจุดบกพร่องของคนที่มาถาม เช่นบางคนเป็นคนโกรธง่าย บางคนท่านนบีบอกว่าให้ละหมาดให้ตรงเวลาของมัน แต่ถ้าคนสองคนที่มาขอผู้หญิง อีกคนเป็นคนที่มีฐานะแต่บกพร่องในเรื่องศาสนา อีกคนเป็นคนที่ไม่มีฐานะแต่มีความเคร่งครัดศาสนา ในกรณีนี้ให้เลือกคนที่มีศาสนาเป็นอันดับแรก ก็หมายความว่าจากหะดีษที่ผ่านมาคนทั้งสามที่มาทำการสู่ขอ ฝาติมะห์ บินติ กัยซ ทั้งสามคนนั้นเป็นคนที่มีศาสนาทั้งสามคน แต่ท่านนบีเลือกคนที่มีความเหมาะสมกับนางที่สุด

และอีกประการที่ ผู้หญิงจะต้องดูในการที่จะตกลงแต่งงานกับใคร ก็คือ มารยาทของผู้ชายต้องไม่เป็นผู้ชายที่ชอบใช้อารมรณ์ตัดสินปัญหา และชอบทำร้ายผู้หญิงด้วยการทุบตี เหมือนตอนหนึ่งของหะดีษที่ผ่านมา
( أما أبو جهم فلا يضع العصا عن عاتقه )
สำหรับอาบูญะฮมฺ เขาไม่เคยวางไม้เท้าของเขาจากบ่า ของเขาเลย
หนึ่งในสามที่มาสู่ขอ ฟาติมะห์ บินติ กัยซฺ ก็คือ อาบูญะฮมฺ ท่านนบีบอกว่าอาบู ญะฮมฺ นั้นไม่เหมาะสมกับนางเนื่องจากเขาชอบทุบตีผู้หญิง เป็นนิสัยส่วนตัวของเขา.
และ ส่งเสริมให้แต่งงานกับผู้ที่สุขภาพดีปราศจากโรค เช่น โรคที่เกี่ยวกับการสืบพันธ์ การเป็นหมั้น หรือ หมดสมรรถภาพทางเพศ
และ ที่สำคัญที่สุดผู้ชายต้องเป็นผู้ที่รู้ในเรื่องของฮุกุม ที่มีอยู่ในอัลกุรอาน และซุนนะห์ของท่านนบี ถ้าได้อย่างที่กล่าวมาถือ ว่าเป็นความอันมากมายของการใช้ชีวิตคู่ของบ่าวสาว

และอนุญาตให้ ผู้หญิงและผู้ชายที่มาทำการสู่ขอกันมองดูซึ่งกันและกัน ในขอบเขตที่ศาสนาได้กำหนดไว้ โดยมีเงื่อนไขจะต้องมีผู้ปกครองฝ่ายหญิงอยู่ด้วย จะให้หญิงอยู่กันเพียงลำพังสองคนไม่ได้ .
และเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง ของฝ่ายหญิงที่จะต้องสอบถามถึงมารยาท ตลอดเรื่องศาสนาของผู้ที่จะมาทำการสู่ขอลูกสาวเรา จากบุคคลที่ไว้ใจได้ เพื่อขอคำปรึกษากับเขาในเรื่องนี้.
และสุดท้ายที่ลืมไม่ได้ก็ คือ การขอให้อัลลอฮเป็นผู้เลือกสรรให้ก่อนที่เราจะทำการตัดสินใจก็ให้ละหมาดอิส ติกอเราะห์ขอต่ออัลลอฮ......
******ติดตาม ตอนที่ 2 ถัดไปได้เลยครับ******


ลักษณะชาย 10 ประการ...ที่ไม่ควรปล่อยให้หลุดมือ
1. รับผิดชอบ ผู้ชายที่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้ จะส่อแววตั้งแต่สมัยเรียนก็รับผิดชอบการเรียนได้ ถึงเวลาทำงานก็สามาถจัดการในหน้าที่ของตัวเองได้ สามารถจัดสรรรายได้สมดุลกับรายจ่ายของตัวเองโดยไม่ต้องเบียดเบียนพ่อแม่ ยิ่งถ้าเขาสามารถจุนเจือครอบครัวได้ละก็ ถือว่าเป็นบุคคลที่น่านับถือทีเดียว เพราะผู้ชายไม่รู้จักโตสมัยนี้มีเยอะ ประเภทที่ทำงานแล้วยังต้องขอเงินพ่อแม่อยู่ร่ำไป รับผิดชอบตัวเองยังไม่ได้แล้วก็อย่าหวังเลยว่า เขาสามารถรับผิดชอบเราได้
2. รักครอบครัว การปฏิบัติต่อครอบครัวเป็นสิ่งที่แสดงออกถึงทัศนคติเกี่ยวกับครอบครัวของเขา ได้ ถ้าผู้ชายคนนั้นให้ความสำคัญกับคนในครอบครัว ปรนนิบัติพัดวี ดูแล พ่อ แม่ ญาติ พี่ น้อง ซึ่งเป็นสมาชิกครอบครัวปัจจุบันของเขาเป็นอย่างดีแล้ว ย่อมแสดงให้เห็นว่า หากเขามีครอบครัวของเขาเองในอนาคต (อันมีเราเข้าไปเอี่ยวด้วย) เขาก็น่าจะเป็นคนรักครอบครัวและดูแลสมาชิกอย่างดีด้วยเช่นกัน
3. ให้เกียรติเรา ทั้งภายในบ้านและต่อหน้าสาธารณชน ทั้งต่อหน้าและลับหลังไม่พยายามแตะเนื้อต้องตัวแม้จะมีโอกาส ไม่เอาเรื่องขายหน้าของแฟนไปนินทาด้วยความคึกคะนองในกลุ่มเพื่อน ไม่ดุด่าว่ากล่าวเราต่อหน้าคนอื่น รวมทั้งต้องไม่มองสาวอื่นจนน่าเกลียดในขณะที่อยู่กับเราด้วย
4. เสมอต้นเสมอปลาย หายาก ผู้ชายที่จะปฏิบัติต่อคนที่เป็นแฟนเหมือนกับวันที่เริ่มจีบกันวันแรก ส่วนใหญ่ก็มีแต่ประเภทที่ตอนจีบใหม่ๆก็เฝ้าโทร.มาทุกเวลาหลังอาหารแถมด้วย ช่วงเบรกระหว่างมื้อและก่อนนอน เทียวรับเทียวส่งเช้าถึงเย็นถึง แต่พอสาวเจ้าตกลงปลงใจคบเป็นแฟนแล้ว พ่อเจ้าประคุณก็เกิดอ้างเหตุผลทางเศรษฐกิจ ประหยัดทั้งค่าโทรศัพท์และค่าน้ำมัน คุยกันวันละครั้งยังบ่นว่าเปลืองทั้งๆที่เราเป็นคนโทร. เฮ้อ...ดังนั้น ถ้าหลังจากคบหากันไปได้สักปีแล้ว คุณพบว่า เขายังปฏิบัติต่อคุณเหมือนเดิมทุกประการแล้วละก็ อย่าปล่อยเขาไปเชียวนะคะ
5. มีความเป็นตัวของตัวเอง ถึงแม้ว่าหนุ่มสาวยุคใหม่จะมีความเท่าเทียมกัน แต่ผู้ชายก็ยังต้องเป็นผู้นำครอบครัว ดังนั้น เขาควรจะเป็นคนมีความคิดความอ่าน มีจุดยืน สามารถคิดและตัดสินใจในเรื่องต่างๆด้วยตัวเองได้ แต่ต้องไม่ใช่พวกอีโก้สูงจนไม่ฟังใคร
6. อารมณ์ขัน ไม่ต้องถึงกับยกคาเฟ่มาไว้ที่บ้าน แต่หากต้องรู้จักสร้างบรรยากาศที่สดชื่นให้เกิดขึ้นบ้าง เพราะการใช้ชีวิตในสังคมมีเรื่องเครียดๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน ถ้าได้คนใจเย็น คอยกระเซ้าเย้าแหย่ให้คายเครียดได้ก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น
7. ดูแลตัวเองได้ ทั้งเสื้อผ้า บ้านช่อง ดูสะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ใช่ว่าคอยอาศัยให้คนอื่นทำให้อยู่ร่ำ ไป ถึงเวลาที่ไม่มีใครทำให้ก็ปล่อยให้ห้องกลายเป็นรังหนู เสื้อผ้าไม่ซักกองเป็นภูเขา ปล่อยให้รถโสโครกได้ทั้งปี หรือหาข้าวกินเองไม่เป็น คุณสาวๆคะถ้าตกลงปลงใจกับผู้ชายแบบนี้ก็เตรียมตัวรับสภาพคุณแจ๋วต่อไปเถิด
8. สุภาพ ทั้งต่อเราและผู้อื่น เป็นมิตรกับทุกคน ไม่ใช่ว่าต้องแสดงความเป็นชายชาตรี พูดคำด่าคำ ไม่พอใจอะไรก็โวยวาย ขู่ ตะคอก ขยันสร้างศัตรูไว้ทุกมุมเมือง
9. ไม่รังเกียจงานบ้าน คู่รักสมัยนี้ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานนอกบ้านด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น งานในบ้านก็ไม่ควรเป็นภาระของฝ่ายหญิงเพียงคนเดียว แล้วคุณผู้ชายก็ทำประหนึ่งท่านเจ้าคุณกลับชาติมาเกิด หากเขาแสดงให้เห็นว่า เขายินดีและไม่รังเกียจที่จะช่วยงานบ้านเล็กๆน้อยๆบ้าง เช่น อาสาล้างจานให้ (หลังจากที่มากินข้าวฟรีหลายมื้อ) หรือช่วยเอาขยะไปทิ้งให้บ้าง ก็น่ารักแล้ว
10. มีอนาคต แหม...ก็ไม่ต้องถึงกับว่า แววรัฐมนตรีออกตั้งแต่หนุ่มๆหรอกนะคะ เพียงแต่ขอให้พอมองเห็นความเจริญก้าวหน้าบ้าง ไม่ใช่ประเภทถ้าใครตกลงปลงใจด้วยแล้วเตรียมเกลือไว้คลุกข้าวกินตลอดชีวิตก็ พอแล้วละค่ะ


1. จำชื่อเขาให้ได้ ถ้ายังจำชื่อใครต่อใครไม่ได้ หรือจำผิดจำถูก แสดงว่าคุณไม่ใคร่สนใจไยดีหรือให้ความสำคัญในตัวเขานัก คุณรู้ไหมว่า ชื่อคนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความรู้สึกของคนอย่างมากมาย รีบจำชื่อเขาให้ได้ และเรียกให้ถูก

2. รู้จักทักทาย การทักทายใครต่อใครก่อน เป็นความน่ารักอย่างหนึ่ง สะท้อนให้เห็นความมีมิตรจิตมิตรใจ ทำให้ผู้ถูกทักทายรู้สึกดีว่าได้รับความใส่ใจ มีคนให้ความสำคัญ เราจะจำชื่อคนให้ได้ไปทำไมกัน ถ้าจำได้แล้วไม่รู้จักทักทายกัน

3. วางตัวสบายๆ ได้หรือเปล่า จงเป็นคนที่วางตัวสบายๆ เสมอ เพื่อผู้อื่นจะได้ไม่รู้สึกเครียดเมื่ออยู่ใกล้ๆ คุณเป็นกันเอง อย่าถือเนื้อถือตัว อย่าเจ้ายศเจ้าอย่าง เพราะมันจะน่ารำคาญ น่าเกลียดน่ากลัว มากกว่าน่าเข้าใกล้

4. มีนิสัยง่ายๆ นิสัยง่ายๆ เป็นคนละเรื่องกับมักง่าย หากคุณเป็นคนง่ายๆ มีความยืดหยุ่นสูง และรู้จักผ่อนปรนอารมณ์ของคุณก็มักจะคงที่ ไว้ใจได้ ทำนายได้ ไม่แปรปรวนจนยากแก่การควบคุมหรือไว้ใจ คนง่ายๆ มักยอมรับและเข้าใจได้ แม้กับคนที่น่ารำคาญที่สุด ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้กับคนที่อารมณ์คงที่ ยืดหยุ่น และถือสาใครต่อใครน้อยมาก เพราะอะไร ก็เพราะว่าบางครั้ง เราก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเราเองมีอะไรที่น่ารำคาญบ้าง ง่ายๆ วางใจ ไม่ถือสากัน ดีที่สุด

5. อย่าอวดตัวเอง จงระวัง อย่าแสดงว่าคุณรู้อะไรๆ ไปหมดเสียทุกเรื่อง ไม่มีใครอยากจะชอบพอกับคนที่ฉลาดไปเสียทุกเรื่องหรอก บางเรื่องเขาก็อยากฉลาดบ้างเหมือนกัน ดังนั้นโปรดวางตัวตามธรรมชาติ (คือมีทั้งเรื่องที่รู้และไม่รู้) ถ่อมตน และสุภาพตามกาลเทศะจะดีกว่า

6. จงมีนิสัยร่าเริง เพื่อคนทั้งหลายจะได้ชอบอยู่ใกล้ และ "ติด" ในความร่าเริงที่คุณมี แล้วคุณจะได้รับความรู้สึกดีๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งดีๆ จากคนเหล่านี้ เมื่อคบค้าสมาคมด้วย

7. จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิด คุณอาจเคยมองใครในแง่ร้ายๆ ไปบ้าง คุณอาจเคยถือสาการกระทำครั้งโน้นครั้งนี้ของเขา หากคุณมีเวลา จงพยายามแก้ไขความเข้าใจผิดหรือความถือสาที่เคยมี รวมทั้งที่กำลังมีอยู่ให้หมดไป มิตรภาพไม่อาจก่อเกิดหรืองอกงามได้ ท่ามกลางความระแวงแคลงใจ จงขจัดความขุ่นข้องหมองใจ ความไม่ชอบใจ และความเจ็บใจให้หมด แล้วคุณจะเป็นคนน่ารักที่ไม่มีใครผูกใจเจ็บ

8. ทิ้งมันไป...นิสัยเสียๆ บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่า เรามีนิสัยอะไรที่เป็นข้อบกพร่องอยู่ในตัวบ้าง การเงี่ยหูฟังจากคนรอบข้าง จะช่วยให้เรารู้ เมื่อเรารู้แล้ว เรามีหน้าที่ต้องกำจัดนิสัยที่ทำให้คนอื่นตั้งเป็นข้อรังเกียจออกไป แม้ว่านิสัยบางอย่างนั้น อาจมีอยู่หรือทำไปโดยที่เราไม่ได้รู้ตัวมาตลอดก็ตาม

9. จงหัดชอบคนอื่นบ้าง น่าประหลาด... คนบางคนเกลียดใครต่อใครได้ไวมาก ลองหัดชอบคนอื่นจนกลายเป็นนิสัยดีไหมคะ ชอบที่เขาเป็นอย่างนั้น ชอบที่เขาคิดอย่างนี้ ชอบในสิ่งที่เขาพูดจา ฯลฯ

10. ชมเชยให้เป็น อย่าละทิ้งโอกาสที่จะกล่าวคำชมเชย เมื่อใครคนใดคนหนึ่งใกล้ๆ ตัวคุณ ได้กระทำในสิ่งที่ดี เป็นแบบอยางต่อผู้อื่น หรือทำอะไรได้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง ในเวลาเดียวกัน ก็ต้องรู้จักแสดงความเข้าใจ ความเห็นอกเห็นใจ ในความทุกข์ร้อนและความผิดหวังของพวกเขาด้วย พูดง่ายๆ ได้ว่า หัดเป็นคนมีหัวใจซะบ้าง!



วันหนึ่ง ดอกไม้สวยงามกลิ่นหอมและมีสีสันดึงดูดใจมาพบกับไข่มุกจากใต้ท้องทะเลลึกซึ่ง ไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้น ทั้งสองได้มาพูดคุยทำความรู้จักกัน

ดอกไม้กล่าวว่า "ฉันมาจากครอบครัวใหญ่ สมาชิกในครอบครัวของฉันมีทั้งดอกกุหลาบและดอกเดซี่ และยังมีดอกไม้สายพันธุ์อื่นๆ อีกจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละชนิดก็มีกลิ่นและรูปร่างเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง"

ทันใดนั้น ก็มีสีอมทุกข์ปรากฏขึ้นบนใบไม้ "ไม่มีอะไรน่าเสียใจในสิ่งที่เธอพูดมาเลยนี่ ทำไมเธอจึงไม่ค่อยเบิกบานเลยล่ะ?" ไข่มุกถาม

"ก็มนุษย์ปฏิบัติกับ เราอย่างไม่ค่อยใส่ใจเลย พวกเขาดูถูกเรา พวกเขาไม่ได้ปลูกเราเพื่อตัวของพวกเราเอง แต่เพื่อหาความพึงพอใจจากกลิ่นและรูปร่างที่สวยงามของเราเท่านั้น พวกเขาจะโยนเราทิ้งถังขยะเมื่อความสวยงามและกลิ่นหอมอันเป็นคุณสมบัติล้ำค่า ที่สุดของเราหมดสิ้นไปแล้ว"

ดอกไม้ถอนใจ แล้วจึงกล่าวกับไข่มุกว่า "เล่าเรื่องชีวิตของเธอให้ฉันฟังบ้างสิ เธออยู่อย่างไร? รู้สึกอย่างไรบ้าง? เมื่อเธอถูกฟังอยู่ใต้ท้องทะเลลึก

ไข่มุกตอบว่า "ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีสีสันพิเศษและกลิ่นหอมหวานเหมือนเธอ แต่พวกมนุษย์คิดว่าฉันมีค่า พวกเขาทำสุดความสามารถเพื่อให้ได้ฉันมา พวกเขาเดินทางไกล ดำดิ่งลึกลงไปใต้ทะเลเพื่อค้นหาฉัน เธออาจจะไม่เข้าใจที่ได้รู้ว่ายิ่งฉันอยู่ไกลมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งจะสวยงามและสุกใสมากขึ้นเท่านั้น

แต่นั่นมันทำให้ฉัน ยิ่งมีคุณค่ามากขึ้นในความคิดของพวกเขา ฉันอยู่ในเปลือกหอยหนาๆ อย่างโดดเดี่ยวในทะเลที่มืดมิด แต่ถึงอย่างไรฉันก็มีความสุขและภูมิใจที่ได้อยู่ในที่ปลอดภัย ห่างไกลจากมือที่จะมารังแกและประสงค์ร้าย และพวกมนุษย์ก็ยังเห็นว่าฉันมีค่ามากเหลือเกิน"

รู้ไหมว่า "ดอกไม้" และ "ไข่มุก" เป็นสัญลักษณ์เปรียบเทียบถึงอะไร?

ดอกไม้ คือผู้หญิงที่เปิดเผยเรือนร่างและเสน่ห์ดึงดูดของตน ในขณะที่ไข่มุก คือผู้หญิงที่ปกปิดเรือนร่างและความสวยงามของตนเอาไว้........


4. ไม่มีชีวิตใด (อยู่โดยลำพัง) เว้นแต่มีผู้เฝ้ารักษามัน
เพราะเราไม่ เคยอยู่ลำพัง...

จึงไม่มีข้อ อ้างให้ตัวเองว่า "คงไม่มีใครเห็น" ยามที่คิดจะทำผิดใน ที่ลับตาคน

เพราะเราไม่ เคยอยู่ลำพัง...

จึงไม่ต้อง รู้สึกหวิว ๆ เมื่อมองไม่เห็นใคร

เพราะเราไม่ เคยอยู่ลำพัง...

จึงไม่ต้อง กังวลว่าจะถูกมนุษย์หน้าไหนทอดทิ้ง

เพราะเราไม่ เคยอยู่ลำพัง...

จึงไม่ต้อง สุขอย่างโดดเดี่ยว

เพราะเราไม่ เคยอยู่ลำพัง...

จึงไม่ต้อง ทุกข์อย่างเดียวดาย

เพราะเราไม่ เคยอยู่ลำพัง...

จึงมีที่ ปรึกษาผู้คอยให้ความช่วยเหลือไม่ว่าจะอยู่ในภาวะคับขันขนาดไหน

เพราะเราไม่ เคยอยู่ลำพัง...

จึงแน่ใจว่า ทุกย่างก้าวของชีวิตมีผู้อยู่เคียงข้าง

เพราะเราไม่เคยอยู่ลำพัง...

จึงไม่ต้อง เกรงกลัวใคร หรืออะไรทั้งนั้น...ตราบที่อยู่ในสภาพที่ผู้อยู่เคียงข้างเราพอใจ

ระลึกไว้เสมอ เถอะหัวใจ...

แม้ในซอกมุม อันลึกเร้นของความนึกคิด...เราก็ไม่เคยอยู่ลำพัง

ดังนั้นจง สำรวมตัว สำรวมหัวใจ ให้เป็นที่รักของผู้ทรงรอบรู้...ผู้ทรงใกล้ชิดอยู่เสมอ!

หลังจาก นั้น...ชีวิตก็เป็นเรื่องง่าย

******เพราะเราไม่เคยอยู่ ลำพัง******


ความรัก กับ ความอดทน

"ความรัก" ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่มนุษย์มีอยู่มากมายราวกับว่าจะไม่มีวันหมด
แต่ สิ่งที่มนุษย์มีอยู่จำกัดจนดูเหมือนคับแคบเห็นแก่ตัว ก็คือ "ความอดทน"
ยิ่ง รักมากก็ยิ่งต้อง "อดทน" กับปัญหาต่างๆ รอบข้าง เพื่อรักษาความรักนั้นไว้ให้ยั่งยืน

แต่ในทิศทางตรงกันข้าม
เมื่อใดที่สิ้นรักเมื่อนั้น "ความอดทน" ก็หามีไม่
สิ่งใดที่เคยทนได้ก็กลับแปรเปลี่ยนไป
สิ่งใดที่เคยเห็นดี เห็นชอบ กลับกลายเป็นขวางหูขวางตา
ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายหนึ่งกระทำต่อตนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ท้ายที่สุดเราเป็นฝ่าย ทอดทิ้งให้ความรักนั้นต้องจบลง

บางครั้งความรักนั้นอาจจบลงทั้งๆ ที่ความรู้สึกรักของเรายังมีอยู่เต็มหัวใจ
เพียงแต่การถูกกระทำซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
จนกระทั่ง "ความอดทน" บอกให้เราต้องไป...ไปทั้งที่ยัง "รัก"
เพราะ หากรักแล้วต้องเจ็บ ต้องช้ำ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็น่าจะหมายถึง
"การจาก ไปในวันนี้เพื่อที่จะเข้มแข็งและลุกขึ้นได้ใหม่ในวันข้างหน้า"
อย่าง นั้นมิใช่หรือ

"หากรักแล้วต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต
ตนขอเลือกที่จะร้องไห้สอง สามวันแล้วยิ้มไปตลอดชีวิตที่ดีกว่า"

สุดท้ายก็ขั้นอยู่กับตัวเองแล้วล่ะนะ
ว่าจะร้องไห้ไปตลอดชีวิต หรือร้องไห้แค่วันนี้แล้วยิ้มไปตลอดชีวิต
ชีวิตเรา ๆ สามารถเลือกเองได้จริงมั้ย?

"คนร่วมทาง"
คนเราคบหาร่วมทางกัน มีค่าตรงที่รู้จักกัน
คน เรารู้จักคุ้นเคยกัน มีค่าตรงที่รู้ใจกัน
คนเรารู้ใจกันแล้วจากกัน มีค่าตรงที่อยู่ในความทรงจำที่ดีของกัน

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าจะรักอย่างไรก็อย่าให้ตาบอดเสียล่ะ
เมื่อ วันหนึ่งความอดทนบอกเราว่าถึงเวลาแล้ว
ก็ควรจะรับฟังไว้บ้างแล้วกัน เราเป็นผู้กำหนดชีวิตของเรา
(รักอัลลอฮ รักนบี ไม่มีอกหัก ไม่มีเศร้าใจ )



ภาพที่หาดูได้ ยาก Scanning Electron Microscope (SEM) เป็นกล้อง microscope ที่ทำ งานโดยการ scan ภาพด้วยลำแสง electron ซึ่งสามารถขยายภาพได้ตั้งแต่ 25 ถึง 250,000 เท่า ทำให้สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดขนาด 1 ถึง 5 nanometer



Scanning Electron Microscope (SEM) เป็นกล้อง microscope ที่ทำงานโดยการ scan ภาพด้วยลำแสง electron
ซึ่งสามารถขยายภาพได้ตั้งแต่ 25 ถึง 250,000 เท่า ทำให้สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดขนาด 1 ถึง 5 nanometer ได้

ภาพทั้ง 14 ภาพที่นำมาฝากพวกเราวันนี้ ได้มาจาก
http://www.environmentalgraffiti.com/featured/images-inside-human-body-images/829


เป็นภาพที่ถ่ายด้วย Scanning Electron Microscope
ถ้าผมไม่บอกว่าเป็นภาพของชิ้นส่วนเล็กๆ ภายในร่างกายเราเอง รับรองไม่มีใครทราบอย่างแน่นอน มาชมภาพทั้งหมดกันครับ

หมายเหตุ: ภาพบางภาพถูกเพิ่มสี เพื่อความชัดเจนในการชม

~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~

1. Red Blood Cells
เม็ดกลมๆ สีแดงเหมือนลูกกวาดที่พวกเราเห็น ก็คือเม็ดเลือดแดงภายในร่างกายของเรา ซึ่งทำหน้าที่นำพา oxygen ไปเลี้ยงอวัยวะทั่วร่างกาย
ปกติแล้ว ในเพศหญิงจะมี Cell ที่พวกเราเห็นอยู่ 4-5 ล้านเซลล์ภายในเลือดจำนวน 1 มิลลิลิตร และจำนวน 5-6 ล้านเซลล์ในเพศชาย
แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่ราบสูงมากๆ ที่มีปริมาณ oxygen เบาบางกว่าปกติ จะมี Cell เม็ดเลือดแดง มากกว่าคนปกติ

2. Split End Of Human Hair
เป็นภาพเส้นผมของเราที่แตกหักตรงส่วนปลาย วิธีแก้ก็อย่างที่พวกเราทราบกันดี คือหมันเล็มปลายผมและใช้ครีมนวดบำรุงเส้นผม

3. Purkinje Neurons
คาดกันว่ามี neurons ภายในสมองของเราอยู่ถึง 100 พัน ล้าน neurons
ภาพที่เราเห็นเป็น neurons ที่มีชื่อว่า Purkinje Neurons ซึ่ง เป็นหนึ่งใน neurons ขนาดใหญ่ภาพในสมอง



4. Hair Cell In The Ear
ภาพที่พวกเราเห็นเป็นภาพของ Cell ขนอ่อน ภายในหูของเรา

5. Tongue Taste Bud
อย่าแปลกใจครับถ้าจะบอกว่าภาพนี้เป็นภาพถ่ายลิ้นของเรา บริเวณ ที่มีปุ่มรับรสอยู่
ลิ้นของคนเราจะมีปุ่มรับรส อยู่ประมาณ 10,000 ปุ่ม แยกกันทำหน้าที่ในการรับรส เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม

6. Tooth Plaque
เห็นภาพนี้แล้ว ต้องหมั่นแปรงฟันครับ เพราะมันคือคราบ plaque ที่เกาะอยู่ตามฟันของเรานั่นเอง

7. White Blood Cell
เม็ดสีขาวที่อยู่กลางภาพก็คือ Cell เม็ด โลหิตขาว ท่ามกลาง Cell เม็ดโลหิตแดง


8. Alveoli In Lung
ภาพนี้เป็นภาพของถุงลมภายในปอดของเรา ที่ทำหน้าที่ฟอกโลหิต ถ่ายเท oxygen เข้าสู่ร่างกายและนำ carbon dioxide ออกจากร่างกาย ผ่านทางลมหายใจ


9. Lung Cancer Cells
ภาพนี้เป็นภาพของ Cell มะเร็งภายในปอด ครับ

10. Small Intestine
ภาพที่พวกเราเห็นภาพนี้เป็นภาพของลำไส้เล็ก ที่เป็นซอกหลืบ ทำหน้าที่ดูดซึมอาหารเข้าสู่ร่างกาย

11. Human Egg With Coronal Cells
ภาพนี้เป็นภาพของไข่ก่อนจะถูกผสมพันธ์ ไข่จะถูกปกคลุมไว้ด้วย zona pellicuda ซึ่งทำหน้าปกป้องและดัก sperm

12. Sperm On The Surface Of The Human Egg
ภาพนี้ก็คือภาพ ของ sperm จำนวนหนึ่งกำลังแข่งกันก่อให้เกิดการ ปฏิสนธิ



13. Human Embryo And Sperm
ภาพนี้เป็นภาพของไข่ที่ได้รับการผสม กลายเป็นตัวอ่อนได้ 5 วัน และยังมี sperm ที่หลงเหลือ ว่ายอยู่รอบๆ
ส่วนสีเขียวในภาพคือส่วนหางของ sperm


14. Six Day Old Human Implanting
ภาพนี้เป็นภาพ ตัวอ่อนอายุ 6 วัน ในมดลูกของเพศหญิง


******ขอบคุณที่ติดตามภาพแรกจนถึงภาพสุดท้าย มันเป้นภาพที่หาดูไม่ใช่ง่าย นี้เป้นโชคดีของคุณ********

الإنسان-عائشة-النسآء
ช่วยเผย แพร่กันหน่อย
ก่อนที่กาเฟรชีอะห์จะเข้าไปอยู่ใน บ้านของเรา

อ ย่ า ใ ห้ อิ ส ล า ม เ ป็ น แ ค่ ง า น อ ดิ เ ร ก !!

อัสลามุอาลัยกุม วาเราะมาตุลลอฮ วาบารอกาตุฮฺ

คนที่ติดตามข่าว ต่างประเทศคงจะทราบกันดีว่าก่อนหน้าที่สงครามเข่นฆ่า พี่น้องชาวปาเลสไตน์จะเกิดขึ้นนั้น อิหร่านได้ออกมาแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์กับอเมริกาและอิสราเอลอย่างรุนแรง จนได้รับคะแนนเชียร์จากโลกมุสลิมมากพอสมควร แต่อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากสงครามครั้งนี้ปะทุขึ้น อิหร่านกลับนิ่งเฉย ไม่ได้นำเอาอาวุธมากมายที่ตนอ้างมาก่อนหน้านี้ออกมาใช้ถล่มอิสราเอลเลย และในขณะที่พี่น้องชาวปาเลสไตน์กำลังถูกระดมยิงจาก ยิวไซออนิสอย่างบ้าคลั่ง เหล่าชีอะฮิกลับไปทำสัญญาลับๆกับอเมริกาและเดินหน้า ทำลายล้างพี่น้องมุสลิมตามสันดานเดิม

ภาพข้างบนเป็นภาพของ นายฮาชิม รีดอ อุลามะชีอะและอิมามมัสยิดฟาติมะ(มัสยิดชีอะฮฺ)ในนิวยอคร์ กำลังละหมาดญานาซะให้กับทหารอเมริกาที่ตายในสงครามอิรัค นี่คือโฉมหน้าของชีอะฮฺที่ปรากฎในขณะที่คนทั่วโลกกำลังเดือดร้อนเรื่อง ปาเลสไตน์


ดุอากันด้วยความน้อบน้อม ถามว่าเรื่องในปาเลสไตน์ชีอะฮิเคยดุอาแบบนี้ไหม


ศัตรูของอิสลามเดินเหิดได้ในมั สยิด


และในขณะที่โลกกำลังเจ้บปวดกั บการฆ่ากันในปาเลสไตน์ อุลามะชีอะกลับแสดงความกลับกลอกออกมาด้วยการไปติดต่อกับจอมมารบุช เพื่อจัดสรรอำนาจในการปล้นแผ่นดินอิรัคจากพี่น้องซุน นีย์ ในภาพนี้คือ อุลามะชีอะที่เป็นที่รู้จักดีชื่อว่า อับดุลอะซิส อัลฮะกีม แกนนำของสภาปฏิวัติในอิรัค

แถมมีการติดต่อกับโอบามาซะด้วย

อยาตุชชัยตอน อาลี คอมาเนอี ผู้นำสูงสุดของโลกชีอะฮฺในยุคปั จจุบันกับท่าสูบ บุหรี่

การเข่นฆ่าพี่น้องซุนนีในอิหร่าน


แด่พี่น้องทุกท่านเพื่อกระตุ้นต่อมสำนึกในการแพร่ขยาย เข้ามาของลัทธิชีอะฮฺ ด้วยกับหัวใจที่เจิ่งนองไปด้วยนำตาและความชิงชังต่อลัทธิสกปรกนี้ ประเทศไทยบ้านเราอันเคยเป็นแหล่งที่อาศัยอย่างสงบสุขของมุสลิมซุนนีย์มานับ ร้อยๆปีกำลังจะหมดไป ชีอะฮิกำลังบุกรุกศาสนาของพวกท่าน และกำลังลากพี่น้องของท่านสู่ความเป็นกุฟุร อีกไม่นานสีดำจะปกคลุมสีขาว ซอฮาบะจะถูกด่าทอ ภรรยานบีจะถูกประนาม ซุนนะฮฺจะหายไป และจะถูกแทนที่ด้วยลัทธิชีอะภายใต้ซากศพของซุนนีนับร้อยๆ เฉกเช่นเดียวกับที่พี่น้องซุนนีในอิรัคและอิหร่านกำลังประสบอยู่


อย่าลืมนะครับ โปรดระวังข้อมูลที่ abunasrin2000@hotmail.com ส่งมานะครับ

บุคคลผู้นี้เป็นชี อะฮฺ อัร-รอฟีเดาะฮฺ


--
اللَّهُمَّ اسْتَخْدِمْنَا حَيْثُ تَرْضَى

โอ้อัลลอฮฺ โปรดสั่งใช้แด่ข้าพระองค์ตามที่พระองค์ทรงประสงค์
********************************
สุดท้าย.....
เพียงแค่คำ ขอบคุณ ที่มอบให้
น้อมรับไว้ ด้วยใจ ที่ให้ฉัน
ดุจน้ำทิพย์ รินหยด รดใจพลัน
ขอสุขนั้น จงรินกลับ ที่ใจเธอ
***********

About this blog

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

ขำๆกับภาพหลุด

About

ผู้เข้าชม

free counters